กรุ๊บบบบบ ,,
วันนี้ เริ่มด้วยเสียงที่ไม่เหมือนทุกที
ทายซิว่ามันเป็นเสียงอะไร...
(พิมพ์มือเดียว ทำให้ย่อคำไปเยอะ อ่านแล้วงง ขออภัยไว้ด้วยนะครับ)
(และยาวมาก เพราะพิมพ์มาหลายวันเลย เป็นบันทึกคนป่วย - -")
รูปนี้ ก่อนจะเกิดเสียงกรุ๊บไม่กี่วัน
Feb 21, 10
เริ่มจากอาการป่วยหลายๆอย่าง ที่มันน่าเป็นห่วง
เลยทำให้ตัดสินใจ จะไปตรวจที่โรงพยาบาล
คืนวันเสาร์ อดน้ำกับอาหาร ตั้งแต่เที่ยงคืน เตรียมตัวเจาะเลือด
กว่าจะได้ไปโรงพยาบาล สามโมงเย็น T^T หิวข้าว หมดแรง
ขับรถไป เหมือนวิญญาณจะหลุดลอย 555
ไปถึง หมอกลับหมดแล้ว แง๊ๆๆ อุตส่าห์ทนอดน้ำกับอาหารนะ
เลยไปหาหมอกระดูกแทน ก็จ่ายยาตามอาการ
แล้วก็ไปเดินงาน condo ไม่เห็นมีที่ๆจะซื้อเลยอ๊ะ
แล้วก็ไปกิน Kindako และไปหาบาร์บีก้อน
กลับบ้าน นอนเปิดกล้อง แล้วก็หลับไป zzZ
Feb 22, 10
วันนี้เริ่มวัน ด้วยเสียง กรุ๊บ
เฉลย เสียงกรุ๊บ ก็คือ... เสียงหัวไหล่ซ้ายเจย์เอง
เกิดจากการดึงโต๊ะ ก็ตื่นเช้ามา โต๊ะขวางทางเดิน
ก็เดินไปดึง สงสัยผิดท่า กรุ๊บเดียว ชาทั้งแขน
เข้าไปอาบน้ำ เอื้อมมือจะไปสระผม
อ้าว ยกไม่ได้ซะงั้น เออ สงสัย ไหล่เคล็ด
อาบน้ำเสร็จ จะใส่เสื้อ แต่ใส่เสื้อยืดไม่ได้ 555
ยังขำอยู่นะ ยังคิดว่า แค่เคล็ดเท่านั้นแหละ
แบกเป้ขึ้นหลัง เดินทางไปทำงาน โดย MRT
เบี่ยงตัวหลบคนอย่างเมามันส์ อย่าชนเค้า เค้าเจ็บน๊า
ไปถึงที่ทำงาน บ่ายนู่นนน ถึงยกแขนได้
แต่ป๊วดปวดนะ พี่ๆมาจับไหล่ แล้วบอกว่า หลุดป่ะเนี่ย
มันบวม ก็เลยจับดูมั่ง เห้ย กระดูกปูด รีบวิ่งไปห้องพยาบาล
พี่พยาบาลบอก ไม่น่าจะถึงกับหลุดนะ
คงอักเสบเฉียบพลัน ยังไง ไปให้หมอดูซะ
ไอ้เราก็ เออไม่หลุด ไม่ไปดิ ไปทำไม (ดื้อเนอะ)
แต่แล้ว แม่หมีน้อย ขับรถพาไปเลย - -" ดื้อไม่ไหว
ไปถึง หมอกระดูกจับๆ บอกว่า...
อย่างเลวร้ายน้อยที่สุด ก็เอ็นหัวไหล่อักเสบ
อย่างเลวร้ายที่สุด ก็เยื่อหุ้มหัวไหล่ฉีกขาด
หมอเลย ให้ทานยาแก้อักเสบ กับใช้ที่พยุงแขน
อีก 2-3 weeks มาดูใหม่ ถ้าไม่หาย
ต้องส่องกล้องดู ว่าเยื่อหุ้มไหล่ฉีกขาดไหม
แม่เจ้า น่ากลัวไปไหม เลยเหวี่ยงแขนให้หมอดู
หมอดูดิ มันไม่เป็นไรหรอก (เทพไหม อิอิ)
บอกหมอไปว่า ไม่ขาดหรอก เนี่ย เหวี่ยงแขนได้อยู่เลย
แต่หมอช่วยตอบที กระดูกที่ปูดเนี่ย ยังไง อันนี้สงสัย
หมอบอกว่ามันบวม คงอักเสบ อ้าวหมอ!
มันกระดูกปูด ไม่ใช่เนื้อที่บวม ไม่เชื่อเค้าอีก
ก็เลย... กลับบ้านละ 555
Feb 23, 10
วิ่งเอาไหล่ที่กระดูกปูดๆไปให้หมอที่จะเข้ามาตรวจที่ office ดู
หมอบอกว่า อืม กระดูกปูดจริงๆด้วย (เห็นแมะ หมอเมื่อวานไม่เชื่อ)
เห็นมั๊ยว่ามันปูดจริงๆ
ถ้าเจ็บ ไป x-ray ดูนะ ก็เลยไปบอกแม่หมี
พอตกเย็น แม่หมีจับดู บอกว่า มันบวมขึ้นป่ะเนี่ย
ไปหาหมอเหอะ จะได้รุว่าเป็นอะไรมากไหม หมอมะวาน ไม่น่าเชื่อและ
เราไปให้เค้าตรวจ รุว่าเป็นอะไร จะได้สบายใจนะ
เจย์ก็บอกว่า ไม่เป็นไรม้างงงง มันไม่ได้ปวดเท่าวันแรกที่เป็นแล้ว
มันแค่ตึงๆ แล้วก็ยกแขน แล้วเอาลงไม่ได้ (นี่ยังนิ่งนอนใจอยู่ 555)
ระหว่างทางกลับบ้าน แม่หมีน้อยเลี้ยวเข้าโรงพญาบาลพญาไท 1
(ไม่มีถามกันหรอกนะ ดื้อไม่ทันจริงๆ - -")
ฟิ้วว วันที่ 3 กับโรงพยาบาล งึกๆๆ
หน้าตาห่อเหี่ยว ไม่ชอบไปโรงพยาบาลอ๊ะ T^T
วันนี้ เจอหมออีกคนนึง หมอมาจับไหล่ ดึงนั่นดึงนี่
ดึงไหล่กับแขน ให้ต้านแรง ให้ยกแขน
แขนเจย์ชาแปล๊บๆไปถึงนิ้วเลย บอกหมอ พอแล้วๆๆ
หมอก็เลยอธิบายให้ฟังว่า
ที่บวม มันเป็นปกติ เพราะมันอักเสบนะ และไหล่เนี่ย
จะบวมที่สุดวันที่สาม (พรุ่งนี้ซินะ อืมมมมม)
ส่วนที่ตึงๆ เป็นที่เส้นประสาทนะ เลยทำให้เวลาหมอดึงเนี่ย
มันจะชาไปถึงปลายนิ้ว เป็นที่เส้นประสาทท้องแขน (อืมมมม)
ส่วนกระดูกที่ปูด เป็นเพราะเอ็นที่ยึดกระดูก มันยืดดด
เลยถามหมอว่า แล้วต้องทำยังไงอ่ะ หมอก็ตอบว่า
มันก็หดนิดเดียว มันก็จะปูดกว่าอีกข้างแบบนี้ไปนั่นแหละ
แก้ได้ทางเดียว คือผ่าตัด แต่ถ้าไม่เจ็บ มันไม่จำเป็น
เจี๊ยกกกกกกกกกก ตกใจทั้งเจย์ทั้งแม่หมีน้อย
ไหล่เค้าจะปูดต่อไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จริงหรอฟระ
ช่างมันเถอะ ปูดกว่ากันไม่มาก ยังชิวได้อยู่ 555
หมอให้ไป x-ray ก็พบว่า เป็นอย่างที่หมอบอกข้างต้นแหละ
ก็กินยาแก้อักเสบต่อไป แล้วก็บอกว่า
ให้ใช้ที่พยุงแขนต่อไปอีก 2-3 weeks
เท่านั้นแหละ จ๊ากกกกกกกกก
ห้ามใช้แขนนะ มันจะได้กลับเข้าที่นิดนึง
แล้วอีก 2 weeks มาดูอีกที ว่าเป็นยังไง
เริ่มไม่ชิวและพี่น้อง ไม่ชิวเลยยยยย T^T
กลับบ้านนอน แล้วตั้งแต่เอ็นไหล่อักเสบเนี่ย
ตอนนอน จะตะแคงขวา ตื่นมา จะทับไหล่ซ้ายตลอดดด
เจ็บได้อี๊กกกก นอนก็ไม่สนิท แง๊ๆๆ
แล้วฝันร้าย และคงเพราะตื่นเต้นจัด สะดุ้งตื่นตอนตีสาม
ปวดหัวซีกซ้ายจนจะบ้า เป็นไมเกรนตอนตีสาม แง๊ๆๆ
Feb 24, 10
วันที่สามของการเป็นเอ็นหัวไหล่อักเสบ หมอบอกเมื่อวาน
ว่าวันที่สาม มันจะบวมที่สุด ก็ถอดเสื้อย่างทุลักทุเล
เตรียมจะไปอาบน้ำ โอ้ววววว บวมกว่าเมื่อวานอี๊กกก
ดีนะที่รุแล้ว ไม่งั้น เย็นนี้ แม่หมีน้อยพาไปหาหมออีกแน่ๆ
แล้วทำทุกอย่างมือเดียว ลำบากมากกกกก
ยิ่งเข้าห้องน้ำที่ office ต้องถอดที่พยุงแขนออก
แล้วก็ทนตึงๆที่แขน ใส่กางเกงก็ยาก เฮ้อออออ
ต้องมาใส่ต่อที่โต๊ะ เพราะห้องน้ำมันแคบ - -"
สิ่งนี้แหละครับ ที่ต้องอยู่ร่วมกันอีกพักใหญ่
ทำงานทุลักทุเล พยายามไม่ใช้แขน แต่เผลอทุกที 555
กลับบ้านไป เตรียนนอน รุสึกปวดซีกซ้ายมากอีกแล้ว
จัดไปเลย advil 1 เม็ด ดักไว้ก่อน
แต่ๆๆ... ตั้งแต่กินไปตอนห้าทุ่ม ตีสองนี่ปวดจะเป็นบ้า
แม่หมีเพิ่งบอกว่า ให้อดทนบ้างนะ เจ็บนิดหน่อยให้ทน
ไอ้เราก็ทนเลย ทนถึงตีสอง ไม่ไหว โอดโอยเลยทีนี้
แล้วก็สวดมนต์ในหัวจนหลับไปซักตีสามได้
Feb 25, 10
วันนี้ตื่นมาพร้อมอาการไมเกรนจากเมื่อคืน ทรมานได้อีก
นั่งก๊งอยู่ในรถ พอถึงที่ทำงาน ทำงานได้แป๊บเดียว
9:30 ก็ขึ้นไปห้องพยาบาล ขอยาทานแล้วนอคอยู่ที่เตียง
แต่ไม่ได้นอนเลย เพราะปวดมากกกกกกก ปวดนอนไม่ได้
กลิ้งไป รับโทรศัพท์งานไป แล้วก็เริ่มรุสึก เอ๊ะ แสบท้อง
เดินออกไปถามพี่พยาบาล พี่ค้าบ ยากกัดกระเพราะไหมคร้าบ
ตามคาด กัดครับพี่น้อง แล้วกินขนมจีบไปจึ๋งนึง
ก็นอนกลิ้งให้ยามันย่อยกระเพราะเล่นต่อไป
ซักสามชั่วโมง เริ่มอยากอาเจียนแล้ว - -"
ยังปวดข้างซ้ายยังอยู่นะ ปวดน้อยลง แต่อยากอาเจียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เดินไปหาพี่พยาบาลอีกรอบ พี่ครับ ยาตัวนี้ side effect มีคลื่นไส้ไหม
โอ้วว ตามคาด มีแน่นอนหล่ะครับ ทรมานได้อี๊กกกกกกกกก
นอนไปจนถึงบ่ายโมง กลับมานั่งทำงานต่อ เพราะรุสึกดีขึ้น
แต่เปล่าเลย คิดไปเอง 555 กินขนมปังไป กินยาไมเกรนไปอีก 1 เม็ด
ทำงานถึงสามโมงครึ่ง โอยยยยย หัวจะระเบิด อยากอาเจียนอีก
ขึ้นไปขอเจลเย็นๆ กดหัวหน่อยละกัน นั่งโปะไป คุยกะพี่พยาบาลไป
พี่ก็บอกว่า ไปหาหมอ ให้เค้าฉีดยาเถอะ ตาช้ำหมดแล้ว
แล้วยอมไม่หล่ะ ไม่ย๊อมมมม กลัวเข็มมากกว่ากลัวปวดหัว
นั่งคุยไป เจลแปะไป น้ำมูกยืดดด เพราะเจลเย็นมาก 555
พี่พยาบาลบอกว่า เราเพิ่งไปโรงพยาบาลมานี่
(พี่ๆเค้าพยาบาลของพญาไท1 ครับ)
พี่อีกคนก็บอกว่า เมื่อต้นปี เราไป admit มาป่ะ
เลยบอกใช่ๆ สรุป พี่พยาบาลที่ ER จำเจย์ได้ 3 คนแล้ว
พี่บอก เห็นเราโวยหมออยู่ ว่าไม่ยอมให้ฉีดอะไรซักอยาก
(วันนั้นหมอจะให้น้ำเกลือ และให้ยาทางเส้นเลือด
เลยบอกหมอว่า ถ้าหมอจะให้น้ำเกลือ กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยหล่ะ)
นั่งคุยไปซักพัก ไม่ไหวจะทน ขอยาแก้อาเจียน ซึ่ง side effect คือ
ง่วงมากกกกกกกกก ซัดไป ได้หลับไปครึ่งชม.
หกโมงก็ไปหาแม่หมี ไปนั่งรอไป ง่วงไป แล้วแม่หมีก็พากลับบ้าน
หลับในรถตลอดทาง ไม่ไหวจะลืมตาเลย
กลับถึงบ้าน ตื่นละ 555 จะได้นอนไหมคืนนี้
แล้วมันก็เริ่มปวดไมเกรนอีก ตอนห้าทุ่ม
ซัด stugeron ไปโลด เป็นยาแก้เวียนครับ
มีฤทธิ์เพิ่มการไหลเวียนของเลือด (เจย์บ้านหมุนบ่อย)
เปิดแอร์อัดนอน ถึงเช้า ตื่นมา ค่อยสบายหน่อย
Feb 26, 10
วันนี้ ตื่นมาปวดซีกซ้ายหน่อยๆ ไม่มาก
ตื่นมา ไม่เจ็บไหล่ เลยดีใจมากไปหน่อย
เอี้ยวตัวอาบน้ำ โอย ยังเจ็บนิ หลอกทำไม
ตอนนี้เลยเจ็บเป็นบ้าเลย เจ็บเท่าวันแรกเลย
หัวซีกซ้ายก็มาปวดมะกี้อีกหนนึง แต่ไม่มากแล้ว
เย็นนี้กลับบ้าน รถจะติดไหม??
ติดแน่ๆ ขับรถมือเดียวอีก - -"
ชีวิตต้องสู้ สู้ต่อไปนะเจย์ (บอกตัวเอง 555)
P.S.
- ไปหาหมอสามวัน ต้องจ่ายเงินที่เกินวงเงินตลอดเลย T^T
- ถึงแม้ร่างกายจะดูป่วยมากมาย แต่ยิ้มได้อยู่นะครับ
- ยิ้มกับสิ่งดีๆที่เข้ามา เย้ๆๆ >.<
- ขอบคุณแม่หมีน้อย ที่ดูแลเด็กน้อยนะครับ
- ขอโทษที่ดื้อในบาง(หลายๆ)ทีนะครับ
- ก็ เค้าดื้ออ่ะ
- ไม่ต้องตกใจ ว่าเจย์ทำไมเป็นอะไรเยอะแยะไปหมดนะครับ
- ไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ
- แต่ถ้าออกกำลังกาย จะไม่ค่อยเป็นไรเลยครับ (แต่ช่วงนี้ไม่ได้ทำเลย)
- แล้วเกือบครึ่งของอาการป่วย เกิดจาก side effect ของยาครับ - -"
- แม่หมีน้อยบอกว่า ทีหลังจะยอมเชื่อได้ยัง ว่าให้ระวัง
- เชื่อแล้วค้าบบบ หนนี้ เข็ดแล้วคร้าบบบ
- ไปหลอกคนอื่นว่า แม่หมีน้อยซัดมา 555
- บอกในนี้ได้หมด เพราะแม่หมีน้อยไม่ได้มาอ่าน อิอิ
- ได้ของเล่นมาจากเพื่อนแม่หมีน้อย ขอบคุณนะคร้าบบ
- มันวิ่งวนรอบห้องเลย ช๊อบชอบ ^^
- วันนี้ แม่หมีไม่ให้ไปเจอ บอกสงสารขับรถมือเดียว
- งี้อดเจอตั้งสามวัน แง๊ๆๆ (คิดถึงนะเฟร้ย)
- ไหล่เป็นงี้ จะเล่นกอล์ฟได้อยู่ไหมอ่ะ T^T
- ลาด้วยภาพนี้ครับ ถ่ายที่ Duck Pond แถวบ้านป้าที่ GA ครับผม
บันทึกคนป่วยของจริง อิอิ
ReplyDeleteเดี๋ยวคนป่วยก็หาย
ReplyDeleteเชื่อเหอะ
กำลังใจดีนี่นา
^^
ตอนนี้แพทว่าเจย์งดกอล์ฟไว้ก่อนดีกว่าคับ น่าจะดีกว่าเนอะ
ReplyDeleteแต่ข้อดีของการ หัวไหล่มีปัญหาในครั้งนี้แพทว่านะ
คือมีไอ้ที่ห้อยๆคออะ เท่จะตาย ใครจะมีแบบเรามั่ง
ไม่ได้มีกันง่ายๆ อินดี้ แนวๆ
This comment has been removed by the author.
ReplyDeleteโห...เป็นขนาดนี้เลยเหรอน้อง นึกว่าน้อยๆ
ReplyDeleteเอาน่า พักผ่อนตามหมอบอก กินยาแก้อักเสบ เด๋วก็หาย
แล้วก็ไปตีกอล์ฟกับพี่บ่าวได้อีกล่ะ
พี่เอง เมื่อก่อนก็เป็นคนขี้โรค ป่วยบ่อย เลือดไม่ดี
เป็นลมง่าย ปวดท้อง ปวดหัว เป็นหวัด สารพัด
แต่ตอนนี้แทบไม่ค่อยได้เป็นแล้ว
เพราะพี่ออกกำลังกายบ่อย กินของที่มีประโยชน์
ฟังดูอาจเหมือนพูดตามตำรา แต่พี่ทำแล้วได้ผลจริงๆ
ดูแลตัวเองให้ดี เราจะได้แข็งแรง ไปดูแลคนที่เรารักได้
เจย์คงไม่อยากให้คนที่เรารักเป็นฝ่ายดูแลเราตลอดหรอกใชป่ะ
สู้ๆ ไล่โรคร้ายออกไปให้หมดดดดดดดด
คิก คิก
รู้มาตั้งแต่รู้จักเจย์แรกๆแล้วว่าป่วยบ่อย
ReplyDeleteคราวนี้พอเรารู้ตัวเองเราก็ต้องระวัง
และรักษาตัวให้มากนะ ...
อีกเรื่องที่อยากแนะนำก็ คือ
อยากให้เจย์ลองไปทำบุญ แล้วก็สวดมนต์
ไม่รู้ว่าเจย์จะเชื่อเรื่องพวกนี้หรือเปล่า
การสวดมนต์แล้วก็ทำบุญจะช่วยลด
เรื่องเจ้ากรรมนายเวร เราจะได้ไม่ต้องเจ็บป่วยบ่อยๆ
ถ้าเจย์เชื่อและอยากได้วิธี เดี๋ยวเราหามาให้ก็ได้
เราอยู่ที่นี่เราก็พยายามทำแบบนี้ตลอด
จะได้แคล้วคลาดด้วยไง เจย์เกิดปีกุล หรือเปล่า
เราไม่แน่ใจ ... เพราะถ้าเป็นปีกุล ปีนี้จะชงกับปีขาล
(อันนี้แล้วแต่ความเชื่อคนนะ)
ยังไงก็ขอให้เจย์รักษาตัวให้ดีนะ
หายไวๆนะจ๊ะ หนุ่มน้อย :))
ห่วงใยเสมอ
หายเร็วๆนะคะ
ReplyDeleteเรื่องสุขภาพ มิควรประมาทนะคะ
ReplyDeleteTake Care ค่ะ
getting better?
ReplyDelete